Menu Close

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

การติดต่อของไวรัสตับอักเสบบี

ไวรัสสามารถติดต่อได้จาก:
แม่สู่ลูก ขณะคลอด
การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เช่น ผู้ใช้สารเสพติด
การสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ผ่านบาดแผลหรือเยื่อเมือก
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
การใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ

การป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (ได้ผลดีที่สุด)
หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
ไม่ใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ
ตรวจสุขภาพและคัดกรองเชื้อเป็นประจำ

ผู้ที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไวรัสตับอักเสบบี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อสูง ได้แก่

1. ทารกและเด็กเล็ก

✅ ทารกแรกเกิดทุกคน (ควรได้รับเข็มแรกภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด)
✅ เด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในวัยทารก

2. บุคคลที่มีความเสี่ยงสูง

บุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ ที่ต้องสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย
ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เช่น พ่อ แม่ หรือพี่น้อง
ผู้ที่มีคู่นอนเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันบ่อยครั้ง หรือมีคู่นอนหลายคน
ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น (ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน)
ผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตเป็นประจำ
ผู้ที่ต้องได้รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือดบ่อยๆ

3. กลุ่มที่อาจต้องเดินทางไปพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

✅ ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังประเทศหรือพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสูง เช่น จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา

4. บุคคลทั่วไปที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน

✅ ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ควรตรวจหาเชื้อและพิจารณาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน

โปรแกรมการฉีดวัคซีน

วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีมักฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ตามกำหนดดังนี้:
💉 เข็มที่ 1: วันแรกที่รับวัคซีน
💉 เข็มที่ 2: 1 เดือนหลังเข็มแรก
💉 เข็มที่ 3: 6 เดือนหลังเข็มแรก

หลังจากฉีดวัคซีนครบชุดแล้ว ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัสตับอักเสบบีได้นานหลายปี และบางคนอาจมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่

ศูนย์อาชีวะเวชศาสตร์

อาคาร A ชั้น 2
เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08:00 - 16:00 น.

โทร

036-268-888 ต่อ 201 , 202